กรณีศึกษา: การตั้งราคาแบบผสมของธุรกิจร้านกาแฟ

"CRAFT LAB: Make every technology commercialised"

LinkFacebookLinkYouTube

กรณีศึกษา: การตั้งราคาแบบผสมของธุรกิจร้านกาแฟ

เรียบเรียงโดย ผศ. ดร. ปารเมศ วรเศยานนท์

บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

ภูมิหลัง

ร้านกาแฟท้องถิ่น Brew Haven กำลังเผชิญปัญหาการทำธุรกิจและไม่มีกำไร แม้ว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมากก็ตาม นอกเหนือจากนั้นยังมีการแข่งขันจากร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงและความต้องการของลูกค้าที่เน้นราคาถูกส่งผลให้เกิดความท้าทายทางธุรกิจ ลูกค้าบางส่วนมองว่าราคาของร้านแพงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย เจ้าของร้านต้องการกำหนดโครงสร้างราคาที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มรายได้โดยไม่สูญเสียลูกค้าหรือทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ลดลง

วัตถุประสงค์ในการกำหนดราคา (เงื่อนไขที่ต้องบรรลุในการตั้งราคา)

1. บรรลุยอดขายที่สูงขึ้นพร้อมทั้งยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไร

2. ปรับราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีความอ่อนไหวต่อราคา

3. สร้างความไว้วางใจผ่านการตั้งราคาที่คงที่และน่าสนใจ

4. กำหนดราคาอย่างชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว

5.  ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายคงที่อย่างมีประสิทธิภาพ


กลยุทธ์การกำหนดราคา

 ใช้การตั้งราคาตามต้นทุนบวกกำไร (Cost-Plus Pricing) และ การตั้งราคาตามการแข่งขัน (Competition-Based Pricing) แทนการตั้งราคาโดยเน้นคุณค่า (Value-Based Pricing) เพื่อให้ราคาสอดคล้องกับต้นทุนและเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ดีขึ้น โดยวิเคราะห์ต้นทุนทางตรงและทางอ้อม พร้อมทั้งประเมินราคาคู่แข่งและความยืดหยุ่นในความต้องการของลูกค้า


ทางเลือกเทคนิคการกำหนดราคา

A. การตั้งราคาตามต้นทุนบวกกำไร (Cost-Plus Pricing)

ตัวอย่าง:

ต้นทุนต่อแก้วลาเต้: 75 บาท

กำไรเพิ่ม: 50%

ราคา: 112.50 บาท

ข้อดี: 

ข้อเสีย:


B. การตั้งราคาตามการแข่งขัน (Competition-Based Pricing)

ตัวอย่าง:

ราคาลาเต้ของคู่แข่ง: 120 บาท

ราคาลาเต้ของ Brew Haven: 115 บาท

ข้อดี:

ข้อเสีย:


C. การตั้งราคาชุดโปรโมชั่น (Bundle Pricing)

ตัวอย่าง: 

ลาเต้ (115 บาท) + มัฟฟิน (75 บาท) = ราคาโปรโมชั่น 170 บาท (ลด 10%)

ข้อดี:

ข้อเสีย:


D. การตั้งราคาตามช่วงเวลา (Time-Based Discounts)

ตัวอย่าง: 

ราคาลาเต้ปกติ: 115 บาท ราคาช่วงเวลา: 103 บาท

ข้อดี:

ข้อเสีย:


การตัดสินใจเรื่องราคา

หลังจากพิจารณาทางเลือกต่างๆ Brew Haven ตัดสินใจใช้ กลยุทธ์ผสมผสาน:


โครงสร้างราคาตัวอย่าง:

กาแฟดำ: 75 บาท (เทียบเท่าคู่แข่ง)

ลาเต้: 115 บาท (ต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อย)

เครื่องดื่มซิกเนเจอร์: 150 บาท (ราคาพรีเมียม)

ชุดโปรโมชั่น (ลาเต้ + มัฟฟิน): 170 บาท

ส่วนลดช่วงเวลา: ลด 10% สำหรับเครื่องดื่มทุกชนิด

หากมีข้อคิดเห็นหรือเสนอแนะใดๆ ทักมาคุยกัหรือแอดมาเป็นเพื่อนกันที่ https://www.facebook.com/kmuttentrepreneurship/ 


หลักสูตรการจัดการการเป็นผู้ประกอบการ นวัตกรรม และความยั่งยืน (#EPM) เป็นหลักสูตรภายใต้การกำกับดูแลของบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม (#GMI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (#KMUTT)


สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  (02) 470-9799, (02) 470-9795-6, 084-676-5885

LINE : @GMIKMUTT

หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://gmi.kmutt.ac.th/th/study-with-us/epm/ 

สนใจสมัครได้ที่ https://bit.ly/GMI_Apply 

#GMI #KMUTT #EPM


CRAFT LAB เตรียมความพร้อมในการพัฒนานักวิจัยให้เป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ที่สามารถมีทักษะและความรู้ที่ควรเป็น อย่างมีผลลัพธ์ สนใจทักมาคุยกับได้ที่ Line: @061jlshn  หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

บทความชวนคิดด้านธุรกิจ

คลิกที่นี่เพื่อเข้าดูบทความธุรกิจ ตั้งแต่การกาโอกาศ การตั้งกิจการ การพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ การพัฒนาโครงสร้างองค์กร การทำการตลาด การตลาดดิจิทัล การเงินและการเข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุน

เพิ่มเราเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คเพื่อรับข่าวสารและข้อมูลต่อยอดความเข้าใจ

[กดที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อน]

สำหรับท่านที่ต้องการต่อยอดความรู้ระดับ 'ปริญญาโท' ด้าน 'การเป็นผู้ประกอบการ นวัตกรรม และความยั่งยื' ที่เน้นช่วยระบุโอกาสธุรกิจไปถึงการสร้างธุรกิจและการนำเข้าสู่ตลาดทุนสามารถคลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

เรื่องที่น่าสนใจอื่น