3 กรณีศึกษาการใช้คีย์เวิร์ดในการลงรายการสินค้า (ในแพลท์ฟอร์มหรือช่องทางดิจิทัล)

"CRAFT LAB: Make every technology commercialised"

LinkFacebookLinkYouTube

3 กรณีศึกษาการใช้คีย์เวิร์ดในการลงรายการสินค้า (ในแพลท์ฟอร์มหรือช่องทางดิจิทัล)

เรียบเรียงโดย ผศ. ดร. ปารเมศ วรเศยานนท์

บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

ไฮไลท์:

กรณีศึกษาที่ 1: เพิ่มโอกาสค้นพบสินค้าด้วยคีย์เวิร์ด

ภูมิหลัง

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซขนาดเล็กที่เชี่ยวชาญในการขายเครื่องประดับทำมือกำลังประสบปัญหาในการเพิ่มการมองเห็นทางออนไลน์ แม้ว่าจะมีเว็บไซต์ที่ออกแบบมาอย่างดีและสินค้าที่มีคุณภาพสูง แต่ก็ยังไม่ได้รับปริมาณการเข้าชมจากเครื่องมือค้นหาหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มากพอ

ความท้าทาย

ธุรกิจได้ทำการวิจัยคีย์เวิร์ดอย่างละเอียดเพื่อค้นหาคำเฉพาะที่ลูกค้าเป้าหมายอาจใช้ในการค้นหาเครื่องประดับทำมือ พวกเขาพบว่าคำเช่น "ต่างหูเงินทำมือ," "สร้อยคอหินที่ทำโดยช่างฝีมือ," และ "กำไลทองที่ไม่ซ้ำใคร" เป็นคำที่ได้รับความนิยมแต่ไม่ได้มีการแข่งขันสูงมาก

แนวทางแก้ไข

ธุรกิจได้อัปเดตชื่อผลิตภัณฑ์ คำอธิบาย และเมตาดาต้าด้วยคีย์เวิร์ดเฉพาะเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่เดิมชื่อ "ต่างหูหรูหรา" ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ต่างหูเงินทำมือพร้อมลูกปัดหิน" คำอธิบายยังถูกปรับปรุงเพื่อรวมคีย์เวิร์ดที่ค้นพบไว้ในข้อความอย่างเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์

ภายในไม่กี่สัปดาห์ ธุรกิจสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิกไปยังเว็บไซต์และรายชื่อผลิตภัณฑ์ของพวกเขา สินค้าของพวกเขาเริ่มปรากฏในอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาทั้งใน Google และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้การค้นพบสินค้าเพิ่มขึ้น และยอดขายเพิ่มขึ้น 

กรณีศึกษาที่ 2: จับคู่ความต้องการด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง

ภูมิหลัง

ผู้ค้าปลีกออนไลน์ขนาดกลางที่เชี่ยวชาญในอุปกรณ์กลางแจ้งต้องการปรับปรุงอัตราการแปลงการขายของตน พวกเขาสังเกตว่าแม้ว่าจะได้รับปริมาณการเข้าชมที่ดี แต่ผู้เข้าชมหลายคนไม่ได้ทำการซื้อ ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่ตรงกันระหว่างสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหาและสิ่งที่เว็บไซต์นำเสนอ

ความท้าทาย

ผู้ค้าปลีกได้วิเคราะห์คำค้นหาที่นำผู้ใช้มายังเว็บไซต์ของตนและเปรียบเทียบกับคีย์เวิร์ดที่ใช้ในรายการสินค้าของพวกเขา พวกเขาพบว่าผู้เข้าชมหลายคนกำลังค้นหาสินค้าที่เฉพาะเจาะจงเช่น "รองเท้าเดินป่ากันน้ำ" และ "เต็นท์แคมป์ที่มีน้ำหนักเบา" แต่รายการสินค้าของพวกเขากลับใช้คำที่เป็นกลางเกินไป เช่น "รองเท้าเดินป่า" หรือ "เต็นท์แคมป์"

แนวทางแก้ไข

ผู้ค้าปลีกได้ทำการปรับปรุงรายการสินค้าของพวกเขาให้สอดคล้องกับเจตนาของผู้ใช้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น "รองเท้าเดินป่า" ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "รองเท้าเดินป่ากันน้ำสำหรับทุกสภาพพื้นดิน" และ "เต็นท์แคมป์" กลายเป็น "เต็นท์แคมป์น้ำหนักเบาสำหรับ 2 คน เหมาะสำหรับการเดินป่า" คำอธิบายผลิตภัณฑ์ก็ถูกปรับปรุงเพื่อเน้นคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการเฉพาะที่พบในคำค้นหาของผู้ใช้

ผลลัพธ์

การปรับปรุงรายการสินค้าให้สอดคล้องกับเจตนาของผู้ใช้ทำให้อัตราการแปลงการขายเพิ่มขึ้น ลูกค้าพบว่าสินค้าที่ตรงกับคำค้นหาของพวกเขาได้ดีขึ้น ส่งผลให้มีความพึงพอใจมากขึ้นและยอดขายที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ค้าปลีกยังสังเกตเห็นการลดลงในอัตราการทิ้งตะกร้าสินค้า

กรณีศึกษาที่ 3: สร้างความได้เปรียบด้วยกลยุทธ์คีย์เวิร์ด

ภูมิหลัง

บริษัทใหม่ในตลาดสินค้าดูแลผิวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกำลังประสบปัญหาในการแข่งขันกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีคุณภาพสูงแต่ยังไม่ได้รับการมองเห็นที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า

ความท้าทาย

บริษัทได้ทำการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเพื่อระบุคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำแต่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพบว่าคำเช่น "เซรั่มหน้าออร์แกนิกสำหรับผิวแพ้ง่าย" และ "ครีมต่อต้านริ้วรอยธรรมชาติที่มีวิตามินซี" เป็นคำที่มีการแข่งขันต่ำแต่มีความเกี่ยวข้องสูงกับผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

แนวทางแก้ไข

พวกเขาได้ปรับปรุงหน้าผลิตภัณฑ์โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นลักษณะของตลาดเฉพาะนี้ในชื่อ คำอธิบาย และเมตาแท็ก นอกจากนี้พวกเขายังสร้างเนื้อหาบล็อกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดเหล่านี้เพื่อดึงดูดการเข้าชมเพิ่มเติมและปรับปรุงอันดับในเครื่องมือค้นหา

ผลลัพธ์

ด้วยการมุ่งเน้นที่คีย์เวิร์ดเฉพาะทางนี้ บริษัทสามารถปรับปรุงอันดับการค้นหาให้สูงขึ้นแม้จะเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเริ่มปรากฏในหน้าหนึ่งของผลการค้นหาสำหรับคำที่เฉพาะเจาะจงนี้ ส่งผลให้การเข้าชมแบบออร์แกนิกเพิ่มขึ้น และยอดขายเพิ่มขึ้น กลยุทธ์คีย์เวิร์ดที่มุ่งเน้นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถหาช่องทางในตลาดที่แออัดได้ และเพิ่มการมองเห็นและยอดขายของแบรนด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

หากมีข้อคิดเห็นหรือเสนอแนะใดๆ ทักมาคุยกัหรือแอดมาเป็นเพื่อนกันที่ https://www.facebook.com/kmuttentrepreneurship/ 


หลักสูตรการจัดการการเป็นผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรม (#EPM) เป็นหลักสูตรภายใต้การกำกับดูแลของบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม (#GMI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (#KMUTT)


สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ (02) 470-9795-6, 084-676-5885

LINE : @GMIKMUTT

หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://gmi.kmutt.ac.th/master_program

สนใจสมัครได้ที่ https://bit.ly/GMI_Apply 

#GMI #KMUTT #EPM

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับท่านที่ต้องการต่อยอดความรู้ระดับ 'ปริญญาโท' ด้านความเป็นผู้ประกอบการนวัตรกรรมสามารถคลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

เพิ่มเราเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คเพื่อรับข่าวสารและข้อมูลต่อยอดความเข้าใจ

[กดที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อน]

เรื่องที่น่าสนใจอื่น